10 แท็บเล็ต Android น่าจัดที่สุดในตอนนี้! ครบเครื่องทุกการใช้งาน ดูคอนเทนต์สุดฟินข้ามปี
สำหรับใครที่กำลังมองหาแท็บเล็ตคู่ใจเอาไว้ใช้ทำงาน เอาไว้เล่นเกม หรือแม้แต่ดูคอนเทนต์ ผมว่าเป็นคำตอบที่ดีมากๆ เลยครับ เพราะแม้ว่าเราจะมีสมาร์ทโฟนอยู่แล้วก็ตามแต่ด้วยส่วนใหญ่ก็มีหน้าจอขนาดเล็ก (แต่ให้เป็นรุ่นหน้าจอขนาดใหญ่ เช่น Samsung Galaxy S23 Ultra ที่จัดหน้าจอใหญ่ยักษ์มาให้ 6.8 นิ้ว หรือแม้แต่สมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้อย่างเช่น Samsung Galaxy Z Fold5 ที่กางหน้าจอออกมา มีขนาดใหญ่ถึง 7.6 นิ้ว ก็ตาม แต่ก็ถือว่าเล็กกว่าหน้าจอแท็บเล็ตอยู่ดี ทำให้เอามาทำงาน หรือดูคอนเทนต์ไม่ฟินเท่าหน้าจอขนาดใหญ่อย่างแท็บเล็ต) โดยในวันนี้ TechUpper จะมาแนะนำ “10 แท็บเล็ต Android น่าจัดที่สุดในตอนนี้! ครบเครื่องทุกการใช้งาน ดูคอนเทนต์สุดฟินข้ามปี” ให้เพื่อนๆ กันครับ มาดูกันว่าจะมีรุ่นไหนบ้างที่น่าสนใจ และจะโดนใจเพื่อนๆ ขนาดไหน มาดูกันเลยครับ (ผมไม่ได้เรียงลำดับจากความน่าใช้งานนะครับ)
Samsung Galaxy Tab S9 Ultra
Samsung Galaxy Tab S9 Ultra สุดยอดแท็บเล็ตระดับพรีเมี่ยมที่ทรงพลัง รองรับ 5G และมีหน้าจอขนาดใหญ่ที่สุดในตอนนี้ เป็นอุปกรณ์ที่เหมาะทั้งในเรื่องการทำงาน และการพักผ่อน รวมไปถึงภาพลักษณ์ที่ดูโปรเฟสชันแนลอย่างที่สุด โดยมาพร้อมจุดขายตัวเครื่องดีไซน์หรูหรา วัสดุ Armor Aluminum บางเฉียบเพียง 5.5 มม. เท่านั้น และมีน้ำหนักเพียงแค่ 737 กรัม และหน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ขนาดใหญ่ถึง 14.6 นิ้ว ความละเอียด 1848 x 2960 pixels (240 ppi), Refresh Rate 120Hz, มาพร้อมสเปกสุดแรง Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 (4 nm), RAM 12GB/ROM 256GB และเพิ่ม microSDXC ได้อีกด้วย, จัดเต็มกล้องหน้าคู่ 12MP F2.2 (wide) + 12MP F2.4 (ultrawide) และกล้องหลังคู่ 13MP F2.0 + 8MP F2.2 (ultrawide), ลำโพง 4 ตัว จูนโดย AKG รองรับ Dolby Atmos, รองรับ Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.3, GPS, GLONASS, BDS, GALILEO, USB Type-C 3.2 และแบตเตอรี่ความจุสูง 11,200 mAh รองรับชาร์จไว 45W แถมยังรองรับมาตรฐานกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68 อีกด้วย วางจำหน่ายในสี Graphite
Samsung Galaxy Tab S9 Ultra ราคาเปิดตัวเริ่มต้น 49,900 บาท ช่องทางการซื้อ samsung.com Shopee และ Lazada
ทำไม Samsung Galaxy Tab S9 Ultra ถึงน่าซื้อ?
Samsung Galaxy Tab S9 Ultra เป็นตัวเลือกที่ผมแนะนำเลยนะครับ เพราะเอามาใช้งานแทนแล็ปท็อปได้อย่างสมบูรณ์แบบเลย (เมื่อใช้งานร่วมกับ Book Cover Keyboard Slim และใช้งานได้โปรมากขึ้นเมื่อใช้งานร่วมกับปากกา S Pen) ซึ่งราคาตั้งแต่ตอนเปิดตัวแล้ว น่าสนใจมากนะครับ มีราคาไม่ต่างจากซื้อแล็ปท็อปแนว Ultrabook เลย แต่ได้ความยืดหยุ่นมากกว่า และด้วยระบบ Android ทำให้ใช้งานในรูปแบบแท็บเล็ตได้คล่องตัวมากกว่าระบบ Windows แถมยังหาแล็ปท็อปที่รองรับมาตรฐานกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68 ได้ยากมากๆ ด้วยนะครับ แถมยังรองรับ 5G ได้อีก จึงถือว่าเป็นแท็บเล็ตที่ดูหรูหราพรีเมี่ยม แต่ใช้งานได้ทุกสถานการณ์อย่างแท้จริง
OPPO Pad 2
OPPO Pad 2 เป็นแท็บเล็ตระดับพรีเมี่ยมรุ่นใหม่ของออปโป้ ดีไซน์สวยโค้งมนวัสดุโลหะอลูมิเนียมขัดลายวงกลม ดูโดดเด่นและสวยงามมากๆ ครับ มีความบาง 6.54 มม. และมีน้ำหนัก 552 กรัม หน้าจอ IPS ขนาด 11.61 นิ้ว โดดเด่นด้วยอัตราส่วนหน้าจอ 7:5 ดูเต็มตาเหมือนอ่านหนังสือ ความละเอียด 2000 x 2800 pixels (296 ppi), Refresh Rate 144Hz รองรับ Dolby Vision, MediaTek Dimensity 9000 (4 nm), RAM 8GB/ROM 256GB, กล้องหน้าความละเอียด 8MP F2.3, กล้องหลังความละเอียด 13MP F2.2, ลำโพง 4 ตัว รองรับ Dolby Atmos , Wi-Fi 6, Bluetooth 5.3, GPS, GLONASS, GALILEO, BDS (B1I+B1c), USB Type-C 2.0, แบตเตอรี่ความจุ 9,510 mAh รองรับชาร์จไว 67W SUPERVOOC จะวางจำหน่ายเฉพาะเวอร์ชั่น Wi-Fi นะครับ
OPPO Pad 2 ราคาเปิดตัว 24,990 บาท ช่องทางการซื้อ Shopee และ Lazada
ทำไม OPPO Pad 2 ถึงน่าซื้อ?
OPPO Pad 2 เป็นครั้งแรกของแท็บเล็ตระดับพรีเมี่ยมจากออปโป้เลยนะครับ ที่ดูน่าสนใจมากๆ ทั้งเรื่องของดีไซน์ วัสดุ สัมผัส และสเปกที่จัดมาอย่างดี แถมผมชอบอัตราส่วนหน้าจอ 7:5 มากๆ เลยครับ เป็นอัตราส่วนที่เหมาะสมและช่วยให้น่าใช้ขึ้นอย่างมีนัยสําคัญ และค่า Refresh Rate 144Hz สูงกว่ามาตรฐานทั่วไป จะติก็ตรงไม่มีเวอร์ชั่นใส่ซิม หรือ eSIM มาจำหน่าย มีแต่รุ่นรองรับ Wi-Fi เท่านั้น แต่นั่นก็ทำให้แท็บเล็ตรุ่นนี้มีราคาที่ไม่สูงมาก จับต้องได้ง่าย และจุดที่น่าติติงที่สุดก็คือ Smart Touchpad Keyboard ของรุ่นนี้ไม่มีสกรีนภาษาไทยมาให้นะครับ (เท่าที่ผมสอบถามในงานวันเปิดตัวนะ) แต่ในการใช้งานร่วมกับ OPPO Pencil ทำได้น่าประทับใจมากๆ เลยครับ
Samsung Galaxy Tab S9 FE และ Galaxy Tab S9 FE+
Samsung Galaxy Tab S9 FE และ Galaxy Tab S9 FE+ เป็นแท็บเล็ตที่ดูพรีเมี่ยม และมีราคาที่จับต้องได้ไม่ยากของซัมซุง มาพร้อมสเปกที่น่าสนใจ และรองรับฟังก์ชั่นการใช้งานระดับสูงในราคาเริ่มต้นประมาณหมื่นกลางๆ เท่านั้น โดยทั้ง 2 รุ่นนี้จะมีความคล้ายกันมากครับ ต่างกันที่ขนาดหน้าจอ, น้ำหนัก, กล้องหลัง, ขนาด RAM และความจุแบตเตอรี่เท่านั้นเอง โดยทั้งคู่จะมาพร้อมดีไซน์วัสดุโลหะอลูมิเนียม มีความบาง 6.5 มม.
โดย Galaxy Tab S9 FE จะมีน้ำหนัก 523 กรัม ส่วน Galaxy Tab S9 FE+ จะมีน้ำหนัก 627 กรัม Galaxy Tab S9 FE มาพร้อมหน้าจอ IPS ขนาด 10.9 นิ้ว ความละเอียด 1440 x 2304 pixels (249 ppi), Refresh Rate 90Hz ส่วน Galaxy Tab S9 FE+ มาพร้อมหน้าจอ IPS ขนาด 12.4 นิ้ว ความละเอียด 1600 x 2560 pixels (243 ppi), Refresh Rate 90Hz, ทั้งคู่ใช้ชิปเซ็ต Exynos 1380 (5 nm), สำหรับ Galaxy Tab S9 FE จะมี RAM 6GB ส่วน Galaxy Tab S9 FE+ จะมี RAM 8GB และทั้งคู่มาพร้อม ROM 128GB และสามารถเพิ่ม microSDXC ได้ทั้งคู่
ทั้งคู่มาพร้อมกล้องหน้าความละเอียด 12MP (ultrawide) ส่วนกล้องหลัง Galaxy Tab S9 FE จะมีกล้องตัวเดียวความละเอียด 8MP ส่วน Galaxy Tab S9 FE+ เป็นกล้องคู่ความละเอียด 8MP + 8MP (ultrawide), ลำโพงคู่ จูนโดย AKG รองรับ Dolby Atmos, รุ่น FE+ รองรับ Wi-Fi 6E ด้วย ส่วนรุ่น FE รองรับ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.3, GPS, GLONASS, GALILEO, USB Type-C 2.0, Galaxy Tab S9 FE มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 8,000 mAh ชาร์จไว 45W และ Galaxy Tab S9 FE+ แบตเตอรี่ความจุ 10,090 mAh ชาร์จไว 45W เช่นกัน และที่แจ่มแจ๋วมากๆ คือในราคาเท่านี้ทั้งคู่ยังรองรับมาตรฐานกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68 ทั้งตัวเครื่องและ S Pen ด้วยนะครับ แถมวางจำหน่ายทั้งเวอร์ชั่น Wi-Fi และ 5G เลย ยิ่งทำให้น่าสนใจเข้าไปใหญ่ มีให้เลือกถึง 3 สี ได้แก่ Gray, Lavender และ Mint (สี Lavender มีจำหน่ายแค่รุ่น FE นะครับ) โดยจะมีรายละเอียดราคาเปิดตัวดังนี้ครับ
- Galaxy Tab S9 FE Wi-Fi (6/128GB) ราคาเปิดตัว 16,990 บาท
- Galaxy Tab S9 FE 5G (6/128GB) ราคาเปิดตัว 19,990 บาท
- Galaxy Tab S9 FE+ Wi-Fi (8/128GB) ราคาเปิดตัว 23,900 บาท
- Galaxy Tab S9 FE+ 5G (8/128GB) ราคาเปิดตัว 27,900 บาท
ช่องทางการซื้อ samsung.com Shopee และ Lazada
ทำไม Samsung Galaxy Tab S9 FE และ Galaxy Tab S9 FE+ ถึงน่าซื้อ?
Samsung Galaxy Tab S9 FE และ Galaxy Tab S9 FE+ เป็นแท็บเล็ตที่ครบเครื่อง และทำราคามาได้อย่างเหมาะสมมากๆ เลยครับ ราคาเริ่มต้นเพียงแค่ 16,990 บาท เท่านั้น (รวมปากกา S Pen แล้วด้วยนะครับ) ก็มอบประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหล และให้อารมณ์แบบแท็บเล็ตระดับบน รองรับทั้งปากกา S Pen และ Book Cover Keyboard แถมยังรองรับมาตรฐานกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68 อีกด้วย รวมทั้งมีให้เลือกทั้งรุ่น Wi-Fi และ 5G เหมาะกับการใช้ทุกระดับเลยครับ ลงตัวมากๆ ใครที่มองหาแท็บเล็ตที่ให้มาครบๆ ในราคาหมื่นกลางๆ แท็บเล็ตรุ่นนี้เป็นตัวเลือกที่ไม่ควรพลาดเลยครับ
TCL NXTPAPER 11
TCL NXTPAPER 11 แท็บเล็ตที่มาพร้อมจุดเด่นเทคโนโลยี TCL NXTPAPER 2.0 เป็นการเคลือบผิวด้านบนหน้าจอ เนื้อสัมผัสแบบกระดาษ และช่วยถนอมสายตา ในราคาเบาหวิวไม่ถึงหมื่นครับ ใครที่อยากได้แท็บเล็ตหน้าจอกระดาษในราคาเข้าถึงได้ง่ายๆ แท็บเล็ตรุ่นนี้คือตัวเลือกของคุณเลยละ รุ่นนี้รองรับเฉพาะ Wi-Fi นะครับ หน้าจอ NCVM IPS ขนาด 10.95 นิ้ว ความละเอียด 1200 x 2000 pixels (213 ppi), ชิปเซ็ต MediaTek Helio P60T (12 nm), RAM 4GB/ROM 128GB รองรับ microSDXC, กล้องหน้า ความละเอียด 8MP และกล้องหลัง ความละเอียด 8MP F2.0, ลำโพง 4 ตัว รองรับฟังก์ชั่น Sound Booster (สามารถเพิ่มเสียงได้ 200%), Wi-Fi ac, Bluetooth 5.0, USB Type-C 2.0, รองรับปากกา T-Pen STYLUS สัมผัสในการเขียนทำได้ดีมากครับ, แบตเตอรี่ความจุ 8,000 mAh รองรับชาร์จไว 18W และรองรับ Reverse Charging
TCL NXTPAPER 11 ราคาเปิดตัว 7,990 บาท ช่องทางการซื้อ Shopee และ Lazada
ทำไม TCL NXTPAPER 11 ถึงน่าซื้อ?
TCL NXTPAPER 11 เป็นตัวเลือกที่หาได้ยากครับ สำหรับแท็บเล็ตหน้าจอกระดาษในราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่ายๆ แบบนี้ ในส่วนสเปกค่อนข้างเก่านะครับ และคุณภาพกล้องก็ยังมีข้อตำหนิด้วย แต่โดยรวมเป็นตัวเลือกแท็บเล็ตราคาประหยัดที่น่าประทับใจอย่างน่าทึ่งเลยละครับ ทั้งหน้าจอเนื้อสัมผัสแบบกระดาษที่ดูดีไม่แพ้ใคร การใช้งานทั่วไปทำได้ลื่นไหลตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น และการใช้งานร่วมกับปากกา T-Pen STYLUS ยอดเยี่ยมเกินคาดเป็นอย่างมาก กับราคาเพียงเท่านี้ ไม่ว่ามองมุมไหนก็น่าซื้อ สามารถไปอ่านรีวิวได้ที่ลิงค์นี้ครับ รีวิว TCL NXTPAPER 11
Samsung Galaxy Tab S9 และ Galaxy Tab S9+
Samsung Galaxy Tab S9 และ Galaxy Tab S9+ แท็บเล็ตระดับพรีเมี่ยมของซัมซุง ที่เป็นรุ่นรองของ Galaxy Tab S9 Ultra โดดเด่นในทุกจุด ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ สเปก ล้วนจัดเต็ม ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมวัสดุ Armor Aluminum บาง และเบามากครับ โดยแตกต่างกันหลายจุดทีเดียว มีรายละเอียดสเปกแตกต่างกันดังนี้
Samsung Galaxy Tab S9 มีทั้งรุ่น Wi-Fi และ 5G ให้เลือก รองรับมาตรฐานกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68 มีความบางเพียง 5.9 มม. น้ำหนักเบาหวิว 498 กรัม, หน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 11 นิ้ว ความละเอียด 1600 x 2560 pixels (274 ppi), Refresh Rate 120Hz, ชิปเซ็ตระดับสูง Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 (4 nm), RAM 8GB/ROM 128GB รองรับ microSDXC, กล้องหน้าความละเอียด 12MP F2.4 (ultrawide), กล้องหลังความละเอียด 13MP F2.0, ลำโพง 4 ตัว จูนโดย AKG รองรับ Dolby Atmos, Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.3, GPS, GLONASS, BDS, GALILEO, USB Type-C 3.2, แบตเตอรี่ความจุ 8,400 mAh ชาร์จไว 45W
ส่วน Samsung Galaxy Tab S9+ จะเหมือน Galaxy Tab S9 แทบทุกจุดครับ แตกต่างตรง มีความบาง 5.7 มม. น้ำหนัก 581 กรัม, หน้าจอขนาด 12.4 นิ้ว ความละเอียด 1752 x 2800 pixels (266 ppi), RAM 12GB/ROM 256GB รองรับ microSDXC เช่นกัน, กล้องหลังคู่ความละเอียด 13MP F2.0 + 8MP F2.2 (ultrawide), แบตเตอรี่ความจุ 10,090 mAh ชาร์จไว 45W
- Galaxy Tab S9 Wi-Fi (8/128GB) ราคาเปิดตัว ราคา 28,900 บาท
- Galaxy Tab S9 5G (8/128GB) ราคาเปิดตัว ราคา 32,900 บาท
- Galaxy Tab S9+ Wi-Fi (12/256GB) ราคาเปิดตัว ราคา 35,900 บาท
- Galaxy Tab S9+ 5G (12/256GB) ราคาเปิดตัว ราคา 39,900 บาท
ช่องทางการซื้อ samsung.com Shopee และ Lazada
ทำไม Samsung Galaxy Tab S9 และ Galaxy Tab S9+ ถึงน่าซื้อ?
Samsung Galaxy Tab S9 และ Galaxy Tab S9+ เป็นแท็บเล็ตระดับสูงที่น่าสนใจมากๆ ครับ สำหรับคนที่มีงบให้ขยับ เพราะสเปกสูงในทุกจุด ตั้งแต่ภายนอกถึงภายใน มีตัวเลือกทั้ง Wi-Fi และ 5G ให้เลือกซื้อ เรียกได้ว่า Samsung Galaxy Tab S9 Series เป็นตัวเลือกแท็บเล็ต ที่จับได้ทุกกลุ่มเลยครับ มีทุกช่วงระดับขนาดหน้าจอและราคาให้เลือกซื้อ ตั้งแต่ 11 นิ้ว, 12.4 นิ้ว ไปจนถึง 14.6 นิ้ว กันเลยทีเดียว และมาพร้อมอุปกรณ์เสริมที่ครบเครื่อง พร้อมใช้งานในทุกรูปแบบ
Xiaomi Pad 6
Xiaomi Pad 6 แท็บเล็ตราคาเบาๆ ยอดนิยม ดีไซน์สวยงาม วัสดุโลหะอลูมิเนียม และมาพร้อมสเปกที่ครบเครื่อง ใช้งานได้ดีอย่างน่าพอใจ มีความบาง 6.51 มม. น้ำหนัก 490 กรัม, รองรับ Wi-Fi เท่านั้น หน้าจอ IPS ขนาด 11 นิ้ว ความละเอียด 1800 x 2880 pixels (309 ppi), Refresh Rate 144Hz, Dolby Vision, ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 870 (7 nm), กล้องหน้าความละเอียด 8MP F2.2, กล้องหลังความละเอียด 13MP F2.2, ลำโพง 4 ตัว, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2, USB Type-C 3.2, แบตเตอรี่ความจุ 8,840 mAh ชาร์จไว 33W, มีให้เลือกถึง 3 สี ได้แก่ Gravity Grey, Gold และ Mist blue, วางจำหน่าย 2 ความจุ ได้แก่
- Xiaomi Pad 6 (8/128GB) ราคาเปิดตัว ราคา 10,990 บาท
- Xiaomi Pad 6 (8/256GB) ราคาเปิดตัว ราคา 12,990 บาท
ช่องทางการซื้อ Shopee และ Lazada
ทำไม Xiaomi Pad 6 ถึงน่าซื้อ?
Xiaomi Pad 6 เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากับราคาเอามากๆ เลยนะครับ อาจจะดูไม่หวือหวา แต่สเปกที่ใส่มาแรงพอที่จะใช้งานได้ครอบคลุมในทุกๆ กิจกรรม ไม่ว่าเรื่องงาน หรือเล่นเกม ก็เอาอยู่ ในราคาเบาๆ หมื่นต้นๆ เท่านั้นเอง ได้หน้าจอ Refresh Rate 144Hz และลำโพง 4 ตัว ในราคานี้ด้วย และควรซื้อ Xiaomi Smart Pen (ราคา 2,999 บาท) รุ่นที่ 2 และ Xiaomi Pad 6 Keyboard (ราคา 2,999 บาท) มาใช้คู่กัน ก็จะยิ่งทำงานได้โปรมากขึ้นอีกด้วยนะครับ
Samsung Galaxy Tab A9 และ Galaxy Tab A9+
Samsung Galaxy Tab A9 และ Galaxy Tab A9+ ตัวเลือกแท็บเล็ตราคาสุดประหยัดจากซัมซุง สำหรับเพื่อนๆ ที่มีงบไม่เยอะ โดยจะมีรายละเอียดสเปกดังนี้ครับ Samsung Galaxy Tab A9 จะมีวางจำหน่ายเป็นรุ่น 4G (LTE) สุดคุ้มมากนะครับ ราคาเพียงเท่านี้แต่ใส่ซิมได้, หน้าจอ TFT ขนาด 8.7 นิ้ว ความละเอียด 800 x 1340 pixels (179 ppi), ชิปเซ็ต MediaTek Helio G99 (6nm), RAM 4GB/ROM 64GB รองรับ microSDXC, กล้องหน้าความละเอียด 2MP, กล้องหลังความละเอียด 8MP, ลำโพงคู่รองรับ Dolby Atmos, Wi-Fi ac, Bluetooth 5.3, GPS, GLONASS, BDS, GALILEO, QZSS, USB Type-C 2.0, แบตเตอรี่ความจุ 5,100 mAh ชาร์จไว 15W
- Samsung Galaxy Tab A9 (4/64GB) ราคาเปิดตัว ราคา 6,990 บาท
ช่องทางการซื้อ samsung.com Shopee และ Lazada
Samsung Galaxy Tab A9+ จะวางจำหน่ายใน 2 ตัวเลือกคือรุ่น WiFi และรุ่น 5G หน้าจอ TFT ขนาด 11 นิ้ว ความละเอียด 1200 x 1920 pixels (206 ppi), Refresh Rate 90Hz, ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 695 (6 nm), RAM 8GB/ROM 128GB รองรับ microSDXC, กล้องหน้าความละเอียด 5MP, กล้องหลังความละเอียด 8MP, ลำโพง 4 ตัว รองรับ Dolby Atmos, WiFi ac, Bluetooth 5.1, GPS, GLONASS, GALILEO, BDS, QZSS, USB Type-C 2.0, แบตเตอรี่ความจุ 7,040 mAh ชาร์จไว 15W
- Samsung Galaxy Tab A9+ WiFi (8/128GB) ราคาเปิดตัว 8,990 บาท
ช่องทางการซื้อ samsung.com Shopee และ Lazada
- Samsung Galaxy Tab A9+ 5G (8/128GB) ราคาเปิดตัว 10,990 บาท
ช่องทางการซื้อ samsung.com Shopee และ Lazada
ทำไม Samsung Galaxy Tab A9 และ Galaxy Tab A9+ ถึงน่าซื้อ?
Samsung Galaxy Tab A9 และ Galaxy Tab A9+ ผมว่าทำการบ้านมาดีนะครับ มีราคาไม่แพง ในตัวเริ่มต้นอย่าง Samsung Galaxy Tab A9 ก็รองรับให้ใส่ซิมมาได้เลย รองรับ 4G (LTE) ใช้โทรเข้าออกและรับ SMS/OTP ได้ ผมว่าตอบโจทย์หลายๆ คน ที่งบไม่สูงบางทีอยากจะพกเครื่องเดียว และสนทนาผ่านหูฟัง Bluetooth จริงๆ ผมเจอคนมาสอบถามแนวนี้บ่อยมากๆ เลยนะครับ และสเปกโดยรวมก็ถือว่าใช้งานทั่วไปได้ แต่จะติก็ ROM 64GB ค่อนข้างน้อยมากครับ แต่ก็สามารถเพิ่ม microSDXC ได้ครับ
ส่วน Samsung Galaxy Tab A9+ เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ มีทั้งรุ่น Wi-Fi และ 5G ให้เลือกซื้อ สเปกไม่หวือหวาแต่ก็เพียงพอต่อการใช้งาน แม้แต่เล่นเกม และผมว่าตัวเลือก 5G คุ้มมากนะครับ กับราคาเท่านี้ ใครสนใจผมว่าจัดได้เลยละครับ
สำหรับทั้ง 10 ตัวเลือก แท็บเล็ต Android นี้ถูกใจเพื่อนๆ กันหรือเปล่าครับ ใครที่เตรียมหยุดยาวแล้วไม่ได้ไปไหน หรือไปท่องเที่ยวในวันหยุด ก็จัดแท็บเล็ตรุ่นใหม่ไว้คอยเป็นเพื่อนไปได้ในทุกๆ ที่ เผื่อต้องหยิบขึ้นมาทำงานด่วนก็สะดวกกว่าสมาร์ทโฟน รวมไปถึงเรื่องความบันเทิงผ่านหน้าจอขนาดใหญ่ ก็เป็นสิ่งที่สมาร์ทโฟนมอบให้ไม่ได้เต็มอิ่มขนาดนี้เช่นกัน ขอให้สนุกกับแท็บเล็ต Android เครื่องใหม่นะครับ