Samsung ชูวิสัยทัศน์ Lead Future of AI Innovation ประกาศเป็นผู้นำใช้ AI สร้างนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าแห่งอนาคต AI CE ตั้งเป้าเป็นเบอร์หนึ่ง AI-Product ทุกเซกเมนต์
ซัมซุงประกาศวิสัยทัศน์ “Lead Future of AI Innovation” สำหรับการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ชูการใช้พลัง AI เพื่อปลดล็อกประสบการณ์และนวัตกรรมแห่งอนาคตในทุกกลุ่มธุรกิจ ประกาศแนวทางทำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วย AI CE มอบประสบการณ์การเชื่อมต่อที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น เป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น และประหยัดพลังงานมากขึ้น ตั้งเป้าความสำเร็จเป็นผู้นำ AI-Product ทุกเซกเมนต์
ซัมซุงสร้างแรงกระเพื่อมต่อเนื่อง โดยเปิดศักราชด้วยการประกาศจุดยืนด้านการใช้ AI ครั้งแรกที่งาน CES 2024 ตลอดจนปรากฎการณ์เปิดวาร์ปสู่ยุคใหม่ด้วย Galaxy AI จนล่าสุดกับงาน Lead Future of AI Innovation ของกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าซัมซุง เซยุน คิม ประธานบริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เปิดเผยว่า “ซัมซุงเชื่อในศักยภาพของ AI ที่จะสามารถปลดล็อกประสบการณ์ โอกาส และนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อทุกคน AI ไม่ใช่สิ่งใหม่สำหรับซัมซุงเพราะซัมซุงผสานการเชื่อมต่ออัจฉริยะไว้ในอุปกรณ์ต่างๆ มาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาเกือบหนึ่งทศวรรษแล้ว สิ่งที่ซัมซุงมุ่งเน้นเป็นหลักอยู่เสมอมาคือการใช้ AI เพื่อสร้างเสริมประสบการณ์ผู้ใช้ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นอย่างทั่วถึงในทุกช่องทาง โดยความมุ่งมั่นนี้ไปในทิศทางเดียวกันกับการเติบโตที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปีที่ผ่านมาของเทรนด์การใช้แอปพลิเคชันสมาร์ทโฮม โดยมียอดดาวน์โหลดการใช้งาน SmartThings 3.2 ล้านคนในประเทศไทย”
AI ไม่ใช่อนาคต แต่คือปัจจุบัน ความสามารถของ AI สร้างการสั่นสะเทือนไปทุกวงการ พรรณวลัย อินทราพิเชฐ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดองค์กร เสริมว่า “35% ของผู้บริโภคในประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะใช้ AI ทั้งใช้กับชีวิตส่วนตัวและใช้เกี่ยวกับการทำงาน 86% ของผู้บริโภคไทยบอกว่า AI ทำให้ประสบการณ์การซื้อของเปลี่ยนแปลงไป และ 99% ของคนทำงานไทยเคยใช้ Generative AI ทำให้ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยคนไทยเปิดรับกับเทคโนโลยีใหม่ๆ และมีทัศนคติเชิงบวกกับ AI มากที่สุดในในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย โดย 80% บอกว่า AI สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ 75% บอกว่า AI ให้ประสบการณ์เฉพาะบุคคลและ 51% มีความสนใจแอปพลิเคชันสมาร์ทโฮม”
Lead Future of AI Innovation
วันนี้ซัมซุงในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับโลกใช้ความเชี่ยวชาญนี้นำทัพเดินหน้าสร้างสรรค์ AI ตอกย้ำความเป็นนัมเบอร์วันในทุกกลุ่มธุรกิจ ตั้งแต่แอปพลิเคชันจนถึงชิป AI ที่มีบทบาทขับเคลื่อนการปฏิวัติวงการเทคโนโลยีอัจฉริยะในวงกว้าง และด้วยจำนวนอุปกรณ์ของพาร์ทเนอร์นับพันล้านเครื่องทั่วโลก รวมถึงการเชื่อมต่อถึงกันได้มากขึ้นผ่านแพลตฟอร์ม SmartThings และบริการต่างๆ ของซัมซุง พร้อมกับ จึงกล่าวได้ว่าซัมซุงกำลังสร้างอนาคตที่มี AI เป็นพลังขับเคลื่อนให้กลายเป็นความจริงด้วยความแข็งแกร่งคลอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ การพัฒนา AI ของซัมซุงมุ่งเน้นในสิ่งที่มีความสำคัญต่อผู้คนในแต่ละวันมากที่สุด ซึ่งนอกจากความเป็นผู้นำ ซัมซุงยังสร้างความร่วมมือแบบเปิดกว้างกับพันธมิตรชั้นนำในอุตสาหกรรมทั้งในประเทศและทั่วโลกกว่า 400 แบรนด์สร้างสรรค์แอปพลิเคชัน AI ที่ใช้ได้จริงสำหรับทุกๆ คน
สำหรับกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ซัมซุงได้ผสานนวัตกรรม AI เข้ากับผลิตภัณฑ์ ทั้งในกลุ่มจอภาพ (AI Screen), เครื่องปรับอากาศ (AI Cooling), ตู้เย็น (AI Family Hub), เครื่องซักผ้า (AI Wash) และเครื่องดูดฝุ่น (AI-Powered Cleaning)
ครองตำแหน่ง No.1 กลุ่มทีวีจอขนาดใหญ่และทีวีพรีเมียม
ในปีที่ผ่านมา ทีวีพรีเมียมในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งผู้บริโภคยังคงให้การตอบรับที่ดีกับทีวีจอขนาดใหญ่ โดยซัมซุงยังคงเป็นผู้นำครองอันดับหนึ่งในกลุ่มทีวีสัดส่วนหน้าจอตั้งแต่ 75 นิ้วขึ้นไปและทีวีพรีเมียม นอกจากนี้ระดับโลก ซัมซุงยังคงสร้างสถิติใหม่ของความเป็นผู้นำอย่างต่อเนื่องด้วยการครองอันดับ 1 ของอุตสาหกรรมทีวีติดต่อกัน 18 ปี อย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน รวมถึงซัมซุงซาวด์บาร์มียอดขายทั่วโลกสูงเป็นอันดับ10 ปีติดต่อกัน
ซัมซุงผสาน AI ไว้ในผลิตภัณฑ์จอภาพตั้งแต่ในระดับฮาร์ดแวร์ พร้อมใส่ใจพัฒนาแบบรอบด้านทั้ง คุณภาพ การเข้าถึง และความปลอดภัย เพื่อเป็นการพาเข้าสู่ยุค AI TV เต็มรูปแบบ ในปี 2567 ซัมซุงจะส่งผลิตภัณฑ์ทีวีรุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอีกมากมายที่จะมาช่วยอัปเกรดทีวีเครื่องใหม่ นำโดย Neo QLED 8K สำหรับ AI TV ผู้คนทุกกลุ่มจะเข้าถึงได้ง่ายขึ้น มีความเฉพาะบุคคลมากขึ้น และใช้งานง่ายยิ่งกว่าเดิม AI TV จะช่วยยกระดับประสบการณ์ความบันเทิงสุดล้ำที่ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เล็งเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนบ้านเป็น AI Home ด้วย AI Home Appliance
เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตประจำวัน ผู้บริโภคมักมีความเข้าใจว่า AI Home ทำได้แค่เปิดและปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้น แต่ AI จะช่วยสร้างประสบการณ์ของบ้านที่ควบคุมได้ง่ายและมีการเชื่อมต่อถึงกันได้ทุกที่ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด และบนอุปกรณ์ใด เพราะการทำงานของ AI จะทำให้ประสบการณ์ในห้องครัว ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป AI จะช่วยแปล “ภาษาผ้า” คอยช่วยแม่บ้านที่อาจสับสนเรื่องการดูแลผ้า รวมไปถึงเตรียม Recipe ที่ดีที่สุดในวันพิเศษ ซัมซุงตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ AI-Product เป็น 50% เปลี่ยนบ้านคนไทยให้เป็น AI Home ภายใน 3 ปี พร้อมจัดเต็มไลน์อัพและฟีเจอร์ที่มี AI ให้คนไทยได้เข้าถึงนวัตกรรมและชีวิตที่ดีขึ้น
ตอกย้ำผู้นำ AirCare Solution แอร์ดีต้องดีกว่าแค่เย็น
ผู้บริโภคมองหาเครื่องปรับอากาศที่จัดเต็มครบเครื่อง ซัมซุงคือผู้นำด้าน AirCare ที่มี One & Only Technology ล้ำหน้าและเป็นหนึ่งเดียว ทั้งในเรื่อง WindFree™, AI Energy Mode และ SmartThings ที่จะลบ pain points ของผู้บริโภคแบบรอบด้าน นอกจาก Ai ในเครื่องปรับอากาศครัวเรือน ซัมซุงยังขยายผสานการทำงานของ AI ไปยังอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ Variable Refrigerant Flow (VRF) โดยส่งรุ่น DVM S2 ที่เปี่ยมไปด้วยนวัตกรรมที่เหนือชั้นลงเล่นในตลาด ด้วยความเหนือชั้นของ AI ทำให้สามารถตรวจจับสภาพอากาศในอาคารเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพการระบายความร้อนและการทำความเย็นที่ดีที่สุด รักษาความดันที่เหมาะสม อีกทั้งยังสามารถตรวจจับการรั่วไหลของสารทำความเย็นแบบเรียลไทม์และส่งการแจ้งเตือนได้ทันที ด้วยการทำงานของ Ai ช่วยให้สามารถประหยัดพลังงานสูงสุด 15%
ผสานการเชื่อมต่ออัจฉริยะบน SmartThings
เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความสามารถด้าน AI ไม่เพียงช่วยให้จัดการสิ่งต่างๆ ในบ้านได้ด้วยวิธีการที่ฉลาดล้ำยิ่งขึ้น แต่อิโคซิสเต็มของ SmartThings ยังทำให้ในปัจจุบันนี้อุปกรณ์ต่างๆสามารถเชื่อมต่อถึงกันและกันได้ เพื่อการใช้งานการควบคุมที่สะดวกง่ายดาย และควบคุมการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพดียิ่งกว่าเดิม การผสานความสามารถของ AI ไว้ในผลิตภัณฑ์ของซัมซุงเสมือนมีผู้ช่วยดูแลครอบครัวปรับแต่งได้เฉพาะบุคคล
“สำหรับกลุ่มธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าในปี 2567 ซัมซุงตั้งเป้ายกระดับการใช้ชีวิตของคนไทยด้วยเทคโนโลยี AI โดยกว่า 70% ของผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าจะผสานการทำงานของ AI อีกทั้งสานต่อจุดยืนสร้างนวัตกรรมควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและบริหารการใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยนวัตกรรม AI Energy Mode ที่ประหยัดทั้งพลังงานและค่าใช้จ่ายให้ผู้บริโภคบริหารจัดการไฟฟ้าได้อย่างยั่งยืน ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยรักษาโลก ช่วยตัดค่าไฟได้สูงสุด 70% สำหรับเครื่องซัก-อบผ้า, 25% สำหรับทีวี, 20% สำหรับเครื่องปรับอากาศและ 7% สำหรับตู้เย็น” เซยุน คิม กล่าวปิดท้าย