Bitazza Thailand ฉลองครบรอบ 6 ปี แห่งการเติบโตภายใต้การกำกับดูแล ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ B2C2 และพร้อมเข้าร่วมโครงการ TouristDigiPay ของ ก.ล.ต. เผยชื่อโปรเจกต์ใหญ่ร่วมพันธมิตรระดับชาติ “Bitazza DigiPay” ล่วงหน้า
บริษัท บิทาซซ่า จำกัด (Bitazza Thailand) บริษัทนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาตอย่างเป็นทางการในประเทศไทย และ B2C2 ผู้นำระดับโลกด้านการให้สภาพคล่องสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างยั่งยืนภายใต้กรอบกำกับดูแลในประเทศไทย
การประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นในวาระครบรอบ 6 ปีของการดำเนินงานของ Bitazza Thailand ซึ่งถือเป็นอีกก้าวสำคัญของบริษัทในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล และขยายการเข้าถึงบริการในระดับสถาบันในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

บริษัท บิทาซซ่า จำกัด ก่อตั้งขึ้นในประเทศ ไทยในปี 2561 และเริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม 2562 ภายใต้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) บริษัทฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องภายใต้กรอบการกำกับดูแลของประเทศไทย โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บิทาซซ่ายังคงดำเนินธุรกิจด้วยเงินทุนของตนเองและไม่เคยมีการปรับลดจำนวนพนักงานแต่อย่างใด
ในปัจจุบัน บิทาซซ่าให้บริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลกว่า 120 คู่เหรียญ (THB-denominated pairs) ภายใต้กระบวนการคัดกรองและตรวจสอบสินทรัพย์ที่สอดคล้องกับมาตรฐานของ ก.ล.ต. และมียอดการซื้อขายสะสมมากกว่า 535,000 ล้านบาท พร้อมมียอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชันกว่า 4.5 ล้านครั้ง ซึ่งสะท้อนถึงการมีส่วนร่วมอย่างแข็งแกร่งจากนักลงทุนรายย่อย ลูกค้าระดับสูง (High Net Worth) และนักลงทุนสถาบัน

B2C2 ได้ร่วมงานกับบิทาซซ่ามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเมื่อหกปีก่อน และภายใต้ความร่วมมือนี้ B2C2 จะเป็นผู้ให้บริการสภาพคล่องหลักแก่ Bitazza Thailand พร้อมร่วมดำเนินโครงการพัฒนาธุรกิจและการเติบโตในหลายด้าน โดยความร่วมมือนี้จะช่วยให้ Bitazza Thailand สามารถขยายบริการในตลาดสถาบันได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ผ่านบริการสภาพคล่องระดับโฮลเซล การจัดการด้านเครดิต และการสนับสนุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและโครงการในอนาคต โดยบริษัท B2C2 ก่อตั้งขึ้นในปี 2558 และมี SBI Holdings เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เป็นที่ยอมรับในระดับโลกในฐานะผู้บุกเบิกตลาดสภาพคล่องและการเทรด OTC สำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลระดับสถาบัน ให้บริการสภาพคล่องตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน รวมถึงบริการโซลูชันทางการเงินสำหรับลูกค้าสถาบัน อาทิ ธนาคาร บริษัทหลักทรัพย์ และผู้ออกโทเคนสเตเบิลคอยน์ เป็นต้น
ความร่วมมือในครั้งนี้สะท้อนถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกำลังเปลี่ยนผ่านจากการมีส่วนร่วมของนักลงทุนรายย่อยไปสู่การมีบทบาทมากขึ้นของนักลงทุนสถาบัน โดยประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 17 ของโลกด้านการยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัล (Crypto Adoption) ซึ่งแสดงถึงความพร้อมของประเทศในการเข้าสู่การเติบโตในระดับสถาบันอย่างเต็มรูปแบบ

เดวิด โรเจอร์ส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ B2C2 กล่าวว่า “B2C2 รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้สานต่อความร่วมมือที่ยาวนานกับบิทาซซ่า หนึ่งในนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดในภูมิภาค ประเทศไทยยังคงเป็นผู้นำระดับโลกด้านการยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัล ด้วยการมีส่วนร่วมของผู้ใช้งานรายย่อย การขยายตัวของนักลงทุนสถาบัน และนวัตกรรมในด้านการชำระเงินและสเตเบิลคอย เรามุ่งมั่นที่จะช่วยให้สถาบันในภูมิภาคอาเซียนเข้าถึงสภาพคล่องได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และร่วมกันเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานสินทรัพย์ดิจิทัลของภูมิภาคนี้ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น”

ด้าน นายธนวัต สุตันติวรคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทาซซ่า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในวาระครบรอบ 6 ปีของเรา ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของการเติบโตอย่างถูกต้องตามกฎหมายโดยได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานรัฐอย่างถูกต้องและดำเนินการไปต่ออย่างยั่งยืน เรามุ่งเน้นการสร้างบริการที่มีคุณค่าให้กับผู้ใช้งานทั้งในระดับรายย่อยและสถาบัน การร่วมมือกับ B2C2 จะช่วยยกระดับศักยภาพด้านสภาพคล่องและสนับสนุนพันธกิจของเราในการมอบราคาที่แข่งขันได้ระดับโลก ระบบที่ปลอดภัย และการเข้าถึงในระดับสถาบันให้กับตลาดไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
สำหรับบริการ RFQ (Request for Quote) ของ Bitazza Thailand ซึ่งเป็นการซื้อขายปริมาณมาก ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้บริษัทเข้าถึงสภาพคล่องระดับสถาบันได้โดยตรง พร้อมข้อมูลราคาแบบข้ามแพลตฟอร์ม เพื่อเพิ่มคุณภาพของการดำเนินคำสั่งซื้อขายและลดความคลาดเคลื่อนของราคา ลูกค้าสถาบันและนักลงทุนมืออาชีพจะได้รับประโยชน์จากการเข้าถึงราคาที่พร้อมแข่งขันกับตลาดได้มากขึ้น สภาพคล่องที่สูงขึ้น และการชำระราคาที่รวดเร็วขึ้นภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. ประเทศไทย

เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในข่าวดีครั้งใหญ่แห่งปีที่แวดวงฟินเทคต้องจับตากับ บริษัท บิทาซซ่า จำกัด หรือ Bitazza Thailand นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำในประเทศไทย ที่สนับสนุนโครงการ TouristDigiPay จากธนาคารแห่งประเทศไทย
กระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่มีความตั้งใจให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสามารถแปลงสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเงินบาทและชำระเงินผ่านระบบ QR Code ได้ทั่วประเทศไทย ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจระดับประเทศ
Bitazza Thailand พร้อมพัฒนาเพื่อเผยโฉมโปรเจกต์ครบรอบปีที่ 6 ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เพียงสะท้อนการเติบโตของ Bitazza Thailand เท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญในเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย ที่ภาคเอกชนไทยเริ่มมีบทบาทอย่างเป็นรูปธรรมในการเชื่อมต่อเทคโนโลยีการเงินกับชีวิตจริงของผู้คน
Bitazza Thailand ร่วมกับผู้ให้บริการ E-money ที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องได้พัฒนา Bitazza DigiPay เป็นนวัตกรรมชำระเงินที่เชื่อมต่อระหว่างโลกสินทรัพย์ดิจิทัลกับการใช้จ่ายจริงในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติให้สามารถแปลงสินทรัพย์ดิจิทัลที่ถือครองเป็นเงินบาท และชำระเงินผ่าน QR Code ได้ทั่วประเทศอย่างสะดวก ปลอดภัย และถูกต้องตามกฎหมาย
นอกจากนี้ Bitazza Thailand ยังเตรียมพร้อมจับมือพันธมิตรหลากหลายภาคส่วน ทั้งห้างสรรพสินค้า โรงแรม ธุรกิจท่องเที่ยว และร้านค้าทั่วประเทศ เพื่อร่วมสร้างระบบเศรษฐกิจดิจิทัลที่ครบวงจร อีกก้าวของไทยสู่ยุค “เศรษฐกิจการท่องเที่ยวเชิงดิจิทัล (Digital Tourism Economy)” อย่างแท้จริง
นายธนวัต สุตันติวรคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทาซซ่า จำกัด แย้มว่า “6 ปีที่ผ่านมาเราสร้างระบบนิเวศสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยอย่างต่อเนื่อง และปีนี้เราพร้อมจะก้าวไปอีกระดับด้วยเทคโนโลยีที่จับต้องได้จริงในชีวิตประจำวัน ทั้งเพื่อคนไทยและนักท่องเที่ยวทั่วโลก เรามั่นใจว่า การเข้าร่วมโครงการครั้งนี้จะช่วยผลักดันประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลแห่งภูมิภาค และสร้างโอกาสใหม่ให้ผู้ประกอบการในทุกระดับ อยากให้ทุกคนจับตาให้ดี เร็ว ๆ นี้”
สำหรับใครที่ติดตามวงการฟินเทค อย่าพลาดติดตามการประกาศทิศทางต่อไปในเร็ว ๆ นี้
