วันอาทิตย์, กันยายน 14, 2025
Latest:
ประชาสัมพันธ์

Whoscall ประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ในงาน Trust Conference Bangkok 2025 เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ มุ่งสู่การเป็นคอมมูนิตี้ปกป้องสังคมดิจิทัลจากมิจฉาชีพ

บริษัท โกโกลุก (ประเทศไทย) ผู้พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อความเชื่อมั่น (TrustTech) และผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน Whoscall ได้จัดงาน Whoscall Trust Conference Bangkok 2025 ขึ้นเป็นครั้งแรก ภายใต้แนวคิด “Innovating for Trust, Powered by All Thais” โดยงานนี้มีเป้าหมายเพื่อเน้นย้ำภารกิจของ Whoscall ในการเสริมสร้างความไว้วางใจของชุมชน และยกระดับ การป้องกันภัยคุกคามทางดิจิทัลในประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

งานในครั้งนี้ยังถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญ กับการเปิดตัวแอปพลิเคชัน Whoscall โฉมใหม่อย่างเป็นทางการ โดยแอปฯ ได้พัฒนาไปไกลกว่าการเป็นเพียงฟีเจอร์ตรวจสอบหมายเลขโทรเข้า (Caller ID) สู่การเป็น แพลตฟอร์มปกป้องภัยทางดิจิทัลแบบครบวงจร (A comprehensive digital protection platform)  สำหรับการสื่อสารในชีวิตประจำวัน Whoscall ใหม่นี้มาพร้อมกับระบบป้องกันภัยด้วย AI (AI-powered defense), ระบบรายงานมิจฉาชีพผ่านผู้ใช้งาน (User reporting), ระบบสะสมรางวัล (Gamified rewards) และการมีส่วนร่วมจากชุมชน (A community-driven contribution system) เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถร่วมกันป้องกันภัยจากมิจฉาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย นวัตกรรมเหล่านี้ทำให้ “ความปลอดภัยทางดิจิทัล” กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนไทยทุกคนอย่างแท้จริง ทั้งนี้ ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Whoscall ได้ฟรี
 
สถานการณ์ภัยมิจฉาชีพที่น่ากังวล
จากรายงาน Whoscall Report 2025 พบว่า ภัยหลอกลวงกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ประจำวันของคนไทยไปแล้ว โดยจากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างคนไทยจำนวน 1,000 คน พบว่า
  • 72% ของผู้ตอบแบบสอบถามเคยเผชิญกับกลโกงหรือมิจฉาชีพ
  • 60% เคยตกเป็นเหยื่อ
  • ความเสียหายรวม เกินกว่า 115,000 ล้านบาท
ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึง “วิกฤตความเชื่อมั่น” ในการสื่อสารในชีวิตประจำวันของคนไทยที่กำลังเกิดขึ้น ในระดับประเทศ
นายแมนวู จู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โกโกลุก (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่แค่สถิติธรรมดา แต่สะท้อนถึง ‘ความเชื่อมั่นที่พังทลายลงในชีวิตดิจิทัลของเรา’ ที่ Whoscall เราเชื่อว่า ‘นวัตกรรม’ จะมีความหมาย ก็ต่อเมื่อมันสามารถ ‘ยกระดับความเชื่อมั่น’ เหล่านั้นได้ และนั่นคือเหตุผลที่พันธกิจใหม่ของเราคือการส่งเสริมความเชื่อมั่นและความปลอดภัยในสังคมไทยผ่านพลังของนวัตกรรมและผู้คน”
“ในประเทศไทย เราได้มุ่งเดินหน้ายกระดับภารกิจสำคัญ ผ่าน 3 ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ ยกระดับ Whoscall ให้เป็นแพลตฟอร์มปกป้องภัยดิจิทัลอย่างรอบด้าน (Upgrading Whoscall into a comprehensive digital protection platform) ขยายพาร์ทเนอร์ทั่วประเทศ เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัย (Expanding a nationwide partnership ecosystem to strengthen safety) และสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน (Fostering sustainable business growth) โดยเราต้องการเสริมพลังให้กับชุมชน สร้างความมั่นใจ และร่วมกันสร้างอนาคตดิจิทัลที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน”
Whoscall ยกระดับแพลตฟอร์มป้องกันภัยดิจิทัล พร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่ ด้วยเทคโนโลยี AI และพลังจากผู้ใช้งาน
 
หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่เห็นผลชัดเจนที่สุดในขณะนี้ คือ การอัปเกรดแพลตฟอร์ม Whoscall สู่เครื่องมือปกป้องภัยดิจิทัลที่สมบูรณ์แบบ โดยได้รับการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI และการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ทั่วประเทศ ซึ่งการยกระดับครั้งนี้ครอบคลุม 3 แกนหลัก ได้แก่ “การปกป้อง (Protection)” “พลังคอมมูนิตี้ (Community)” และ “นวัตกรรมสำหรับทุกไลฟ์สไตล์ (Innovation to enhance every lifestyle)” โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นและมั่นใจในทุกมิติงของชีวิตประจำวัน
ในมิติของ การปกป้อง Whoscall ยังคงพัฒนาการระบุเบอร์ (Caller ID) อย่างต่อเนื่อง พร้อมเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่สำหรับผู้ใช้ iOS อย่างการระบุสายเรียกเข้าเรียลไทม์+ (Live Caller ID Plus) รวมถึงฟีเจอร์คอนเทนต์เช็กเกอร์ แบบ All-in-One ที่สามารถตรวจสอบความเสี่ยงของ รูป เบอร์โทร ข้อความ และลิงก์ได้ทันทีในที่เดียว เพิ่มเติมด้วยฟีเจอร์ ID Security ที่ช่วยเช็กได้ว่าข้อมูล เบอร์โทรศัพท์หรืออีเมล ของคุณเคยรั่วไหลไปที่ไหนบ้าง เพื่อให้ผู้ใช้สามารถป้องกันตัวเองได้ก่อนที่จะตกเป็นเหยื่อ
ในแกนของคอมมูนิตี้  Whoscall มุ่งเปลี่ยนผู้ใช้ไปสู่บทบาท “ผู้พิทักษ์” โดยระบบรายงานภัยมิจฉาชีพ ได้เสริมพลังกับระบบ สะสม Badge ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อ ยกย่องการมีส่วนร่วม ให้ผู้ใช้ได้เห็นผลลัพธ์ ของการปกป้องคอมมูนิตีอย่างชัดเจน พร้อมได้รับการยอมรับและจดจำในฐานะผู้สร้างความปลอดภัยให้สังคมดิจิทัล เรายังทำให้การปกป้องสนุกขึ้นด้วย Whoscall Mission ที่ผู้ใช้สามารถสะสมแต้มจากทุกการมีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นการเช็กอินรายวัน การแนะนำเพื่อน หรือกิจกรรมง่ายๆ อื่นๆ แต้มเหล่านี้สามารถนำไปแลกรับรางวัลจากพาร์ทเนอร์ของ Whoscall หรือแลกเป็น Whoscall Premium ได้ เพื่อเป็นการขอบคุณทุกการมีส่วนร่วมของคุณที่ช่วยปกป้องคอมมูนิตี้
ในด้านของ นวัตกรรม Whoscall มีบริการฟีเจอร์ใหม่ เช่น Scam SOS, Voice Alert และ Scam Alert ที่ผสานข้อมูลเชิงลึกจาก AI เข้ากับพลังของผู้ใช้ เพื่อส่งมอบการแจ้งเตือนอย่างทันท่วงที และช่วยยกระดับ ความมั่นใจในการสื่อสารทางดิจิทัล
AI อัจฉริยะกับพลังของคอมมูนิตี้ หัวใจสำคัญของระบบป้องกันกลโกงยุคใหม่จาก Whoscall
เบื้องหลังฟีเจอร์สำคัญต่าง ๆ ของ Whoscall คือระบบป้องกันภัยอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเสริมความแม่นยำด้วย Geminiและฐานข้อมูลเว็บไซต์ต้องสงสัยกว่า 10 ล้านรายการจาก ScamAdviser ซึ่งเป็นพันธมิตรระดับโลกด้านการวิเคราะห์กลโกงออนไลน์
ด้วยเทคโนโลยีระดับสูงนี้ Whoscall สามารถตรวจจับและป้องกันภัยคุกคามได้อย่าง รวดเร็วและแม่นยำ แบบเรียลไทม์ ช่วยเสริมประสิทธิภาพให้ทุกฟีเจอร์ที่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน และทำให้การปกป้องผู้ใช้ เป็นไปอย่างรอบด้าน ระบบป้องกันนี้ไม่เพียงอาศัยพลังของ AI เท่านั้น แต่ยังผสานความร่วมมือ จากผู้ใช้จริง ในชุมชน ที่มีส่วนร่วมในการรายงานภัยและเสริมข้อมูลเพื่อสร้างเกราะคุ้มกัน ให้กับสังคมไทยในโลกดิจิทัล อย่างแท้จริง
นางสาวฐิตินันท์ สุทธินราพรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด (Global Marketing Director) บริษัท โกโกลุก (ประเทศไทย) กล่าวว่า  “ที่ Whoscall เรานำเทคโนโลยี AI มาพัฒนาเป็นฟีเจอร์อัจฉริยะ เพื่อปกป้องคนไทยจากกลโกงทุกรูปแบบ พร้อมยกระดับ Whoscall ให้เป็นแพลตฟอร์มปกป้องภัย ออนไลน์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังของชุมชน (A community-powered protection platform) วันนี้เทรนด์การเปลี่ยนแปลงชัดเจนยิ่งกว่าเดิม AI เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ เพื่อปกป้องผู้คนได้จริง เราต้องผสาน พลังอัจฉริยะของ AI เข้ากับพลังที่แข็งแกร่งของคอมมูนิตี นี่คือเหตุผลที่ Whoscall แตกต่าง
“การเปลี่ยนแปลงของ Whoscall ครั้งนี้ ไม่ได้หยุดอยู่ที่การปรับโฉมใหม่ แต่ครอบคลุมทั้งฟีเจอร์ แบรนด์ คอนเซ็ปต์ และประสบการณ์ใช้งาน เพื่อพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้สามารถปกป้องคนไทยในยุคดิจิทัล ได้อย่างครบถ้วนที่สุด หัวใจของ Whoscall คือ Community ทุกครั้งที่เราช่วยกันรายงานมิจฉาชีพ เราไม่ได้ปกป้องเพียงตัวเอง แต่กำลังปกป้องทั้งสังคม เพราะทุกการรายงานสามารถช่วยชีวิตคนอื่นได้จริง ๆ วันนี้ Whoscall ขอเชิญคนไทยทุกคนมาร่วมปกป้อง ร่วมรายงาน และรับรางวัลไปด้วยกัน ยิ่งเราช่วยกันมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งรู้ทันและปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น” นางสาวฐิตินันท์ กล่าวเสริม
เครือข่ายพาร์ทเนอร์และแนวทางการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน
Whoscall ขยายบทบาทจากการเป็นเพียงเครื่องมือปกป้องรายบุคคลไปสู่ การสร้างเครือข่ายพาร์ทเนอร์ ที่แข็งแกร่ง (Building a strong partnership ecosystem) พร้อมนำเสนอโซลูชันทางธุรกิจที่ยั่งยืน (Introducing sustainable business solutions)  เพื่อยกระดับการป้องกันภัยทางไซเบอร์ ให้ครอบคลุมทุกภาคส่วนในสังคมไทย
Partnership Ecosystem: Whoscall ได้จับมือกับพาร์ทเนอร์ชั้นนำเพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้กับชุมชน และขับเคลื่อนความปลอดภัยทางดิจิทัลให้เกิดขึ้นอย่างทั่วถึงในทุกพื้นที่ของประเทศไทย
  • ฟีเจอร์เรื่องนี้ต้องถึงโหนกระแส: ความร่วมมือกับรายการโหนกระแส เป็นช่องทางออฟฟิศเชียลสำหรับแชร์เรื่องจริงส่งตรงถึงรายการ ปลอดภัย มั่นใจได้ทุกขั้นตอน
  • การสร้างคอมมูนีตี้ ที่ปลอดภัยในสังคมคุณภาพ: Whoscall จับมือกับแสนสิริในการสร้าง “คอมมูนิตี้ที่ปลอดภัยและน่าอยู่’ แก่ครอบครัวลูกบ้านและชุมชนกลุ่มเสี่ยงในสังคม โดยเฉพาะผู้สูงอายุและกลุ่มที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดในโครงการคุณภาพของแสนสิริ รวมถึงร่วมกันปลูกฝังจิตสำนึกของการเป็นพลเมืองดี (Good Citizenship) ในสังคมดิจิทัล ที่ไม่ได้แค่ดูแลตัวเองให้ปลอดภัย แต่ร่วมกันสร้างสังคมที่ปลอดภัยให้คนรอบข้าง
  • Whoscall Mission รางวัลเพื่อคอมมูนิตี: ผู้ใช้สะสมคะแนนจากภารกิจประจำวันและ แลกรับของรางวัลมากมาย จากแบรนด์พันธมิตร หรือสิทธิพิเศษ Whoscall พรีเมียม โดยเปิดให้ใช้งานแล้ววันนี้

แนวทางการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน: Whoscall นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปกป้องผู้ใช้งานควบคู่ไปกับ การขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจในระยะยาว
  • บริการหมายเลขธุรกิจยืนยันตัวตน (Verified Business Numbers – VBN) ได้รับการอัปเกรดไปอีกขั้น: บริการ VBN จะเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แบรนด์ด้วยการแสดงผลหมายเลขธุรกิจที่ผ่านการยืนยันตัวตน เพื่อป้องกันการปลอมแปลงและหลอกลวงในรูปแบบแอบอ้างเป็นองค์กรต่างๆ การพัฒนาใหม่นี้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น และยังเพิ่มพื้นที่ประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ที่ชัดเจน และส่งเสริมการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีกำหนดเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในไตรมาสแรกของปี 2569 ในฐานะส่วนหนึ่งของ ecosystem ความปลอดภัยดิจิทัล บริการ VBN ยังได้เชื่อมต่อกับ BotNoi Voice ซึ่งเป็นระบบ AI Voice Assistant ที่ช่วยให้สายโทรศัพท์ที่สร้างจาก AI สามารถแสดงตนว่าเป็นสายที่ได้รับการ verifyได้อย่างชัดเจน เป็นการสร้างความเชื่อมั่นและปกป้องลูกค้าของ BotNoi จากมิจฉาชีพ โดยการผสานระบบนี้จะเริ่มให้บริการภายในไตรมาส 4 ของปี 2568
  • ใหม่! Whoscall Ads: ผสานข้อความของแบรนด์ (brand messages) เข้ากับเส้นทางการโทรที่ได้รับการยืนยัน (verified call journeys) โดยวางโฆษณาในจุดที่ผู้ใช้งานไว้วางใจ เช่น หน้าจอหลังได้รับ SMS, หน้าจอหลังวางสาย , หน้าแรกของแอป, ช่วงเวลาที่มีการอัปเดตฐานข้อมูลเบอร์โทร และ หน้าคอนเทนต์เช็กเกอร์ การแสดงผลแบบไม่รบกวนการใช้งานนี้ ช่วยให้แบรนด์สามารถสื่อสารกับผู้ใช้ในช่วงเวลาที่มีการรับรู้สูง สร้างการจดจำแบรนด์ เพิ่มการมีส่วนร่วม และต่อยอดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในสภาพแวดล้อม ดิจิทัลที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถื
  • ใหม่! Whoscall พรีเมียม: Whoscall เปิดตัวแพ็กเกจสำหรับสมาชิก แบบ 1 คน (Individual)  แบบ 2 คน (Duo) และแบบครอบครัว แชร์ได้สูงสุด 5 คน (Family)  เพื่อให้สามารถแบ่งปันการปกป้องภัยไซเบอร์ได้สะดวกและคุ้มค่ายิ่งขึ้น ทั้งนี้ แพ็กเกจ Whoscall Premium มาพร้อมฟีเจอร์เพิ่มความสะดวกสบายและการปกป้องไปอีกขั้น เช่น ระบบบล็อกเบอร์ สแปมอัตโนมัติ, ผู้ช่วยคัดกรอง SMS อัจฉริยะ (Smart SMS Assistant), ระบบระบุสายเรียลไทม์ Plus (LIVE Caller ID Plus), ระบบอัปเดตฐานข้อมูลอัตโนมัติ และ  ประสบการณ์ใช้งาน แบบไม่มีโฆษณารบกวน
ผู้ใช้งานสามารถสมัครบริการได้ผ่านช่องทางที่หลากหลาย ได้แก่ แอป Whoscall โดยตรง, Whoscall Gift Code หรือผ่าน LINE Gift Shop ทำให้สามารถเข้าถึงฟีเจอร์ป้องกันภัยไซเบอร์ ระดับพรีเมียมได้อย่างสะดวกทุกที่ทุกเวลา
นอกจากนี้ Whoscall ยังได้เปิดตัวภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ พร้อมแนะนำมาสคอต “Vee” มาสคอตที่ จะทำหน้าที่เป็นเพื่อนคู่คิดในการป้องกันภัยจากมิจฉาชีพ และเป็นตัวกลางที่เชื่อมโยงผู้คนให้กลายเป็นส่วนหนึ่ง ของชุมชน ต้านกลโกงที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในประเทศไทย
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Whoscall ฟรี ทั้งบนแพลตฟอร์ม iOS และ Android ได้ที่ https://app.adjust.com/15jkn2dj